วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

อะนิเมะ

อะนิเมะ (「アニメ」 anime) เป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่มาจากภาษาอังกฤษว่า แอนิเมชัน (animation) ซึ่งมาจาก ภาษาฝรั่งเศส อานีเม่ (animé) และจากภาษาละติน แปลว่าเคลื่อนไหว หรือภาพเคลื่อนไหว แต่ความหมายกลายจนเป็นคำเฉพาะของภาษาญี่ปุ่นแปลว่า ภาพยนตร์การ์ตูน ภายนอกประเทศญี่ปุ่น อะนิเมะหมายถึงภาพยนตร์การ์ตูนสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งส่วนใหญ่มีลักษณะทางศิลปะแตกต่างกับภาพยนตร์การ์ตูนจากแหล่งอื่น อะนิเมะส่วนใหญ่จะวาดขึ้นด้วยมือ แต่ปัจจุบันมีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยสร้างอะนิเมะอย่างแพร่หลาย อะนิเมะส่วนใหญ่สร้างขึ้นเพื่อให้ความบันเทิงเหมือนภาพยนตร์ โดยมีแนวเรื่องหลากหลายและครอบคลุมแนววรรณกรรมเกือบทุกแนว อะนิเมะส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นเป็นตอน ๆ เพื่อฉายทางโทรทัศน์ ส่วนหนึ่งถูกสร้างเป็นภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องยาวเพื่อฉายในโรงภาพยนตร์ และอีกส่วนหนึ่งถูกสร้างเป็นตอน ๆ เพื่อขายตรงในรูปแบบดีวีดี วีซีดี หรือวีดิโอ ดูมีการทำตอนเฉพาะที่เรียกว่า โอวีเอ อะนิเมะหลายเรื่องถูกดัดแปลงมาจากมังงะ นอกจากนี้ยังมีอะนิเมะที่ถูกนำไปดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์อีกด้วย

ประวัติ

มื่อปี 1970 นักสร้างภาพยนตร์ชาวญี่ปุ่นเริ่มทดลองใช้เทคนิคการสร้างภาพยนตร์การ์ตูน ซึ่งได้แรงบรรดาลใจมาจาก ภาพยนตร์การ์ตูนใน สหรัฐอเมริกา และ ยุโรป แต่ไม่ยอมรับ เพื่อที่ญี่ปุ่นสามารถสร้างภาพยนตร์การ์ตูนของตนเอง ปลายปี 1970 ภาพยนตร์การ์ตูนญี่ปุ่นได้พัฒนาลักษณะเฉพาะตัวขึ้นจนสามารถแบ่งแยกออกจากภาพยนตร์การ์ตูนของสหรัฐอเมริกาได้อย่างชัดเจน ในทศวรรษที่ 1980 อะนิเมะได้รับความนิยมกว้างขวางในญี่ปุ่น ทำให้ธุรกิจการสร้างอะนิเมะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และในทศวรรษที่ 1990 และ 2000 ชื่อเสียงของอะนิเมะได้แพร่ขยายไปยังนอกประเทศญี่ปุ่น พร้อม ๆ กับการขยายตัวของตลาดอะนิเมะนอกประเทศสำหรับคนที่ชื่นชอบ

คำศัพท์

อะนิเมะ" (アニメ) เป็นคำย่อของ アニメーション ซึ่งเป็นคำที่ยืมมาจากภาษาอังกฤษ (สังเกตได้ว่าเขียนเป็นคะตะคะนะ) "แอนิเมชัน" (animation) ซึ่งหมายความถึงภาพยนตร์การ์ตูน คำทั้งสองคำนี้สามารถใช้แทนกันได้ในภาษาญี่ปุ่น อย่างไรก็ดีรูปย่อเป็นที่นิยมใช้มากกว่า คำว่า "อะนิเมะ" มีขอบเขตกว้างครอบคลุมภาพยนตร์การ์ตูนทั้งหมด ไม่จำกัดอยู่ที่แนวหรือรูปแบบของภาพยนตร์การ์ตูนใด ๆ
"เจแปนิเมชัน" (Japanimation) ซึ่งเกิดจากการผสมคำว่า "เจแปน" (Japan) กับ "แอนิเมชัน" เป็นคำอีกคำที่มีความหมายเหมือน "อะนิเมะ" คำนี้นิยมใช้กันมากในทศวรรษที่ 1970 และ 1980 แต่มีคนใช้น้อยลงตั้งแต่ปี 1990 และหมดความนิยมลงก่อนกลางทศวรรษที่ 1990 ในปัจจุบันคำนี้ถูกใช้อยู่แค่ในประเทศญี่ปุ่นเพื่อแบ่งแยกระหว่างภาพยนตร์การ์ตูนทั่ว ๆ ไป (ซึ่งคนญี่ปุ่นเรียกรวม ๆ ว่า "อะนิเมะ") และภาพยนตร์การ์ตูนที่ผลิตภายในประเทศ

Minecraft มายคราฟ

Minecraft logo.svg
มายคราฟ (อังกฤษMinecraft) เป็นเกมอินดี้แซนด์บอก (Sandbox) สร้างขึ้นโดยนักโปรแกรมเมอร์ชาวสวีเดน มาร์คุส "นอช" แพร์สซุน และพัฒนาต่อมาและเผยแพร่โดย มูแย็ง ออกจำหน่ายต่อสาธารณชนสำหรับ พีซี ในวันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2009 เป็นพัฒนาการของเวอร์ชันแอลฟาและหลังจากการปรับปรุงอย่างค่อยเป็นค่อยไป วางจำหน่ายเป็นรุ่นเต็มรูปแบบในวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 2011 เวอร์ชันสำหรับแอนดรอยด์ วางจำหน่ายในเดือนก่อนหน้านี้ในวันที่ 7 ตุลาคม และเวอร์ชันสำหรับไอโอเอส ในวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2011 ในวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ. 2012เกมได้วางจำหน่ายสำหรับเอกซ์บอกซ์ 360 ในรูปแบบเกมXbox Live Arcade ร่วมพัฒนาโดย 4J Studios ทุกเวอร์ชันของไมน์คราฟต์ ได้รับการปรับปรุงเป็นระยะ
ด้านความคิดสร้างสรรค์และการก่อสร้างของไมน์คราฟต์ ให้ผู้เล่นที่จะก่อสร้างออกจากพื้นผิวลูกบาศก์ ในโลกรุ่นขั้นตอน 3 มิติ, กิจกรรมอื่น ๆ ในเกมรวมการสำรวจ, รวบรวมทรัพยากร, งานหัตถกรรมและการต่อสู้ เกมในรุ่นเชิงพาณิชย์มีสองโหมดหลัก คือ โหมดเอาตัวรอด ซึ่งผู้เล่นจะต้องแสวงหาทรัพยากร รักษาสุขภาพและความหิวของพวกเขา และโหมดสร้างสรรค์ ที่ผู้เล่นมีอุปทานที่ไม่จำกัดของทรัพยากร, ความสามารถในการบิน และสุขภาพหรือความหิว ชื่อเพลย์โหมดฮาร์ดคอร์ที่สามเป็นเช่นเดียวกับเอาตัวรอด ต่างกันเพียงในความยากลำบาก คือ มีการตั้งค่ายากและ การเกิดใหม่ ถูกปิดใช้งาน, การบังคับให้ผู้เล่นที่จะลบโลกของการตาย ในโหมดฮาร์ดคอร์(Hardcore) มายคราฟ ได้รับ 1 รางวัลจากการประชุมนักพัฒนาเกมปีพ.ศ. 2556 ได้รับรางวัลนวัตกรรม, รางวัลเกมที่ดีที่สุดที่สามารถดาวน์โหลดได้ และรางวัลเกมเปิดตัวครั้งแรกที่ดีที่สุดจากรางวัลนักพัฒนาเกมเนื้อหา คือ และรางวัลผู้ชม, เช่นเดียวกับรางวัลแกรนด์ซัวมาส เนลลี จากเทศกาลเกมส์อิสระ ในปีค.ศ. 2011 ในปีค.ศ. 2012 มายคราฟ ได้รับรางวัลโกลเด้นจอยสติ๊ก ในประเภทเกมที่สามารถดาวน์โหลดได้ที่ดีที่สุด[13], ในวันที่ 22 มกราคม 2013, เกมขายได้กว่า 9 ล้านสำเนาบนPC และกว่า 20 ล้านเล่มทั่วแพลตฟอร์มทั้งหมด[14]
ในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 2014 ไมโครซอฟท์ได้ประกาศข้อตกลงที่จะซื้อบริษัทโมแยง นักพัฒนามายคราฟ ซึ่งมอบให้ไมโครซอฟท์เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาของเกมนี้ เป็นมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[15][16] และข้อตกลงได้เป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2014[17]

วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ประวัติดีโอ exo


ประวัติของดีโอ


D.O. 




ชื่อ : โด คยองซู (Do Kyung Soo)
ชื่อในวงการ : ดีโอ
ตำแหน่ง : นักร้องเสียงหลัก
พลังพิเศษ : แผ่นดิน
ระยะเวลาในการฝึก : 2 ปี
รูมเมท : ไค
ส่วนสูง : 173 cm
น้ำหนัก : 60 kg
สัญชาติ : เกาหลี
บ้านเกิด : เมืองโกยาง จังหวัดคยองกี ประเทศเกาหลี
วันเกิด : 12 มกราคม 1993
กรุ๊ปเลือด : A
ความสามารถพิเศษ บีทบอกซ์, ร้องเพลง
ผลงานก่อนเดบิวต์ :
- ได้ถูกแนะนำอย่างเป็นทางการในฐานะสมาชิกในวันที่ 30 มกราคม 2012
About D.O. : นามสกุลของเขาคือ โด(DO) ชื่อในวงการของเขาจึงกลายมาเป็น D.O. เป็นหนุ่มที่มีนิสัยเงียบๆ และสงบเสงี่ยม ดีโอเป็นเด็กผู้ชายที่ชอบการร้องเพลง ตอนช่วงม.5 เขาชนะการประกวดร้องเพลงจนได้รับการแคสติ้งเข้าเป็นเด็กฝึก ดีโอเป็นเพื่อนกับอิมฮยอนซิก ของBTOB ที่เดบิวต์ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน นอกจากจะเสียงดีแล้ว ดีโอยังเลียนแบบเสียงคนอื่นได้เก่งอีกด้วย

กิมจิจ๋าา


กิมจิจ๋าา

กิมจิ[1] (เกาหลี김치MC: gimchi, MR: kimch'i คิมชี) มีข้อสันนิษฐานกันว่าน่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า "ชิมเช" (เกาหลี침채ฮันจา: 沈菜MC: chimchae,MR: ch'imch'ae) ที่แปลว่าผักดองเค็ม กิมจิเป็นอาหารเกาหลีประเภทผักดองที่อาศัยภูมิปัญญาก้นครัวของชาวเกาหลี ด้วยการหมักพริกสีแดงและผักต่างๆ โดยทั่วไปจะเป็นผักกาดขาว ชาวเกาหลีนิยมรับประทานกิมจิเกือบทุกมื้อ และยังนำไปปรุงเป็นส่วนประกอบอาหารอีกหลายอย่าง เช่น ข้าวต้ม ข้าวสวย ซุป ข้าวผัด สตู บะหมี่ จนถึงพิซซาและเบอร์เกอร์ ปัจจุบันกิมจิมีมากกว่า 187 ชนิด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีรสเผ็ด เปรี้ยว และมีกลิ่นฉุน แม้ปัจจุบันมีบริษัทอาหารผลิตกิมจิสำเร็จรูปหรือแบบสดขายตามห้างสรรพสินค้าก็ตาม แต่ชาวเกาหลีก็ยังนิยมทำกิมจิกินเองที่บ้าน